วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ART!!!

         
          ศิลปะ หรือ ศิลป์ หมายถึงขั้นตอนของการสร้างชิ้นงานศิลปะโดยมนุษย์ ตรงกับคำว่าArtในภาษาอังกฤษ ศิลปะส่วนใหญ่แล้วจะมีความหมายเกี่ยวกับการสร้างสรรค์, สุนทรียภาพ, หรือการสร้างอารมณ์ต่างๆ ผู้สร้างงานศิลปะ มักเรียกรวมๆ ว่า ศิลปิน
          ศิลปะ(Art) นับว่าเป็นศาสตร์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้น และนับว่าเป็นศาสตร์ของนักปราชญ์ที่เป็นที่ชื่นชม

ประเภทของศิลปะ
นักปราชญ์บางท่านแบ่งศิลปะซึ่งเรียกว่า วิจิตรศิลป์ (Fine Art) ออกเป็น 5 ประเภท คือ
1.จิตรกรรม (Painting)
จิตรกรรม เป็นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการวาด ระบายสี และการจัดองค์ประกอบความงามอื่น เพื่อให้เกิดภาพ 2 มิติ ไม่มีความลึกหรือนูนหนา จิตรกรรมเป็นแขนงหนึ่งของทัศนศิลป์ ผู้ทำงานจิตรกรรม มักเรียกว่า จิตรกร
2.ประติมากรรม (Sculpture)
เป็นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการปั้น แกะสลัก หล่อ และการจัดองค์ประกอบความงามอื่น ลงบนสื่อต่างๆ เช่น ไม้ หิน โลหะ สัมฤทธิ์ ฯลฯ เพื่อให้เกิดรูปทรง 3 มิติ มีความลึกหรือนูนหนา สามารถสื่อถึงสิ่งต่างๆ สภาพสังคม วัฒนธรรม รวมถึงจิตใจของมนุษย์โดยชิ้นงาน ผ่านการสร้างของประติมากร ประติกรรมเป็นแขนงหนึ่งของทัศนศิลป์ ผู้ทำงานประติมากรรม มักเรียกว่า ประติมากร
3.สถาปัตยกรรม (Architecture)
หมายถึง สิ่งก่อสร้าง รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกสิ่งปลูกสร้างนั้น ที่มาจากการออกแบบของมนุษย์ ด้วยศาสตร์ทางด้านศิลปะ การจัดวางที่ว่าง ทัศนศิลป์ และวิศวกรรมการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ใช้สอย สถาปัตยกรรมยังเป็นสื่อความคิด และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของสังคมในยุคนั้นๆอีกด้วย
4.วรรณกรรม (Literature)
หมายถึง วรรณคดีหรือศิลปะ ที่เกิดจากการคิด และจินตนาการ แล้วเรียบเรียง นำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.วรรณกรรมลายลักษณ์ คือวรรณกรรมที่บันทึกเป็นตัวหนังสือ
2.วรรณกรรมมุขปาฐะ อันได้แก่วรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก
วรรณกรรมเป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการใช้ภาษา เพื่อการสื่อสารเรื่องราวให้เข้าใจระหว่างมนุษย์ และสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้สื่อความหมาย ภาษาที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารได้แก่
1.ภาษาพูด โดยการใช้เสียง
2.ภาษาเขียน โดยการใช้ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ และภาพ
3.ภาษาท่าทาง โดยการใช้กิริยาท่าทาง หรือประกอบวัสดุอย่างอื่น
ผู้สร้างสรรค์งานวรรณกรรม เรียกว่า นักเขียน นักประพันธ์ หรือ กวี (Writer or Poet)
5.คีตกรรม (Music)
ดนตรี คือ เสียงที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีแบบแผนโครงสร้าง เป็นรูปแบบของกิจกรรมเชิงศิลปะของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง โดยดนตรีนั้นแสดงออกมาในด้านระดับเสียง (ซึ่งรวมถึงท่วงทำนองและเสียงประสาน) จังหวะ และคุณภาพเสียง (ความต่อเนื่องของเสียง พื้นผิวของเสียง ความดังค่อย) ดนตรีนั้นสามารถใช้ในด้านศิลปะหรือสุนทรียศาสตร์ การสื่อสาร

ที่มา :

ภาวะโลกร้อน!!!

จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดทั่วโลก 10 ปรากฏการณ์ประหลาด
1. สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชาวอเมริกันต้องประสบกับอาการไอ จาม เป็นภูมิแพ้ และหอบหืดง่ายและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่จากการศึกษาพบว่า วิถีชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไปเพราะสภาพมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ขณะที่งานวิจัยใหม่ๆได้แสดงข้อมูลว่า โลกร้อนขึ้นและมีระดับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น ทำให้พืชพรรณผลิใบเร็วกว่าเดิม บวกกับปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายในอากาศ ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ไวขึ้น

2. สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
สัตว์หลายชนิดต้องอพยพขึ้นที่สูง เช่น หมีขั้วโลก เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว จนอาจทำให้มันไม่สามารถอยู่ในอาร์กติกขั้วโลกเหนือได้

3. พืชขั้วโลกคืนชีพ
เนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้พืชที่อาจเคยถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ เริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตอีกครั้ง

4. ทะเลสาบหายสาบสูญ
มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา มีทะเลสาบประมาณ 125 แห่งหายสาบสูญจากอาร์กติก เพราะ เพอร์มาฟรอส ที่เป็นน้ำแข็ง แข็วตัวอยู่ใต้ทะเลสาบนั้นละลายหมด ทำให้น้ำในทะเลซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้

5. น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย
จากภาวะโลกร้อนได้ทำให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน โดยผลที่อาจเกิดตามมาคือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็นรูรั่วใต้ดิน ทำให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อยู่เหนือจุดดังกล่าวอาจได้รับความเสียหาย

6. ไฟป่า
เกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เพราะสภาพป่าที่แห้งกว่าเดิมจึงนับเป็นเชื้อไฟได้เป็นอย่างดี

7. ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงอยู่รอด
จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือฤดูหนาวที่สั้นลง ตรงข้ามกับฤดูร้อนที่มาถึงเร็วขึ้น ทำให้บรรดาฝูงนกเกิดปัญหาในการปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพที่ผันแปรไปไม่ทัน ทำให้สัตว์ที่สามารถอยู่รอดได้นั้นต้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุด และสัตว์ที่อยู่รอดได้อาจต้องกลายพันธุ์หรือปรับพันธุกรรมใหม่ เพื่อรับมือภัยที่เกิดขึ้น

8. ดาวเทียมโคจรเร็วขึ้นกว่าเดิม
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ได้ขึ้นไปสะสมในชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

9. ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งกำลังขยายตัวสูงขึ้น ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่และทำหน้าที่เหมือนตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับในฐานล่างของภูเขาทรุดลงไปใต้พื้นผิว เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขาละลายหายไป ส่วนฐานล่างที่เคยจมอยู่ก็จะค่อยๆ กระเด้งคืนมาเหนือผิวโลก

10. โบราณสถานเสียหาย
เพราะอากาศที่แปรปรวน ภัยธรรมชาติประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายให้แก่โบราณสถาน เมืองเก่า ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ตัวอย่างโบราณสถานในจังหวัดสุโขทัย และอยุธยาที่เจอกับภัยน้ำท่วมใหญ่

ที่มา :

คำแปล กรุงเทพมหานคร

-: ชื่อเต็มของกรุงเทพฯ :-
กรุงเทพมหานคร     อมรรัตรโกสินทร์     มหินทรายุธยา     มหาดิลกภพ     นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน     อมรพิมานอวตารสถิต     สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา

แปลอังกฤษ : City of Angels, Great City of Immortals,
แปลไทย : พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะ
มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
แปลอังกฤษ : Magnificent City of the Nine Gems, Seat of the King,
แปลไทย : มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต
แปลอังกฤษ : City of Royal Palaces, Home of the Gods Incarnate,
แปลไทย : มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา
สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
แปลอังกฤษ : Erected by Visvakarman at Indra's Behest.
แปลไทย : ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้


ความรู้เอาไว้ประดับหัวจ้ะ^^

Harry Potter and the Deathly Hallows

          

          แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต (Harry Potter and the Deathly Hallows) เป็นภาพยนตร์แฟนตาซี-ผจญภัยภาคต่อที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนที่ 7 ในชื่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่เนื่องจากในภาคสุดท้ายนั้นมีรายละเอียดเยอะและทางผู้สร้างต้องการให้หนังจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ จึงแบ่งออกเป็น 2ตอนคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตตอนที่1และตอนที่2 สำหรับตอนที่ 1 จะเข้าฉายในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ตอนที่2จะเข้าฉายในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นับเป็นเวลากว่า10ปีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ภาคแรกจนแล้วเสร็จในภาคสุดท้าย   
         
          ภาพยนตร์มีนักแสดงนำได้แก่ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รูเพิร์ท กรินท์ และเอ็มม่า วัตสัน กำกับการแสดงโดย เดวิด เยตส์ เขียนบทโดยสตีฟ โคลฟ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน และเดวิด แบร์รอน

          โดยเนื้อเรื่องของภาคนี้จะดำเนินเรื่องต่อจากภาค6 หลังจากที่ดัมเบิลดอร์จากไปพร้อมกับปริศนาของฮอร์ครักซ์ทไว้ให้แฮร์รี่สานต่อ โลกเวทมตร์และโลกมนุษย์ได้ถูกแทรกแซงจากลอร์ดโวลเดอมอร์อย่างสมบูรณ์ แฮร์รี่ซึ่งถูกโวลเดอมอร์หมายหัวจึงต้องหลบหนีจากการตามล่า อีกทั้งยังต้องทำภารกิจของตามหาฮอร์ครักซ์ที่ดัมเบิลดอร์ทิ้งไว้ให้เขาโดยมีรอนและเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางโดยมีอุปสรรคและอันตรายรอพวกเขาอยู่ และผลสุดท้ายมันอาจนำมาซึ่งสงครามระหว่างแฮร์รี่และโวลเดอมอร์

          แรกเริ่มเดิมทีนั้นภาพยนตร์ทั้งสองตอนมีกำหนดฉายในระบบสามมิติแต่เนื่องจากทางผู้สร้างมีเวลาน้อยในการแปลงภาพให้ออกมาเป็นสามมิติ จึงได้ระงับการฉายระบบสามมิติในส่วนของตอนที่ 1เนื่องจากกลัวแฟนคลับที่เฝ้ารอผิดหวังกับภาพที่ออกมาไม่ดี อย่างไรก็ตามในส่วนของตอนที่2 ผู้สร้างยืนยันที่จะฉายในระบบสามมิติตามเดิม

เนื้อเรื่องสปอยแบบสุดๆ

เราไปดูมาเมื่อวาน ก็สนุกดี 
แต่ภาคนี้ออกจะดราม่านิดหน่อย 
อยากให้ถึง7.2เร็วจัง 55



R*3

หลักR*3เพื่อความประหยัด
R*3
Reuse :
Reuse means that you use it again. For example you can use a bottle again after you drink water. You can use the bottle for anything. For example, refill water and drink it again.
- Reuse หมายถึง การนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น เมื่อดื่มน้ำเสร็จก็นำขวดมากรองน้ำแล้วใช้ใหม่ได้ 

Recycle :
Recycle means you transform garbage into something that you can use. For example you can cut a bottle and make it become a pencil case. If you don’t transform the bottle then it is reuse.
- Recycle หมายถึง นำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วมาแปรรูป ทำให้ใช้ใหม่ได้อีก เช่น ตัดขวดน้ำแล้วเอามาทำกล่องดินสอ แต่ถ้าเราไม่ได้แปรรูปก็จะเรียนว่าReuse 
Repair :
Repair means that when you fix something so you can use it again. For example a torn shirt can.
Repair หมายถึง เราซ่อมสิ่งของแล้วทำให้มันกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เช่น ซ่อมเสิ้อที่ขาด

"ศัพท์ในการ์ตูนญี่ปุ่น"

Anime (อะนิเมะ) มาจาก Animation (อนิเมชั่น) หมายถึง ภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่น อะนิเมะส่วนใหญ่จะวาดขึ้นด้วยมือ บางคนก็ใช้คอมช่วย


Dojin (โดจิน) หรือ Doujinshi (ดูจินชิ) แปลว่า “สิ่งเดียวกันแต่ต่างคนทำ” หมายถึง เป็นผลงานล้อเลียน (parody) โดยเอาการ์ตูนที่โด่งดัง มาแปลงเนื้อเรื่องในแบบที่ตัวเองชอบ


Hentai (เฮ็นไต) หมายถึง "การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย" หรือ "ความผิดปกติ” เป็ฯการ์ตูนที่มีลักษณะลามกอนาจาร และมักจะมีตัวอักษร H ไปอยู่หน้าชื่อ เช่น H-Game หรือ H-Anime ซึ่งมีความหมายถึงเกมหรืออะนิเมะที่เป็นเฮ็นไต


Bishonen (ไบโชเนน) มักใช้เรียกการ์ตูนชายหรือหญิงแนวรักร่วมเพศ ถ้าเป็นชายเรียก Shonen (โชเนน) เป็นหญิงเรียก Shoujo (ชูโจ) โดยส่วนใหญ่จะหมายถึงการ์ตูนที่เขียนผู้ชายให้มีลักษณะน่ารักอ้อนแอ้นแบบเด็กผู้หญิง


Chibi (ชิบิ) การ์ตูนที่วาดให้ตัวละครมีลักษณะเป็นเด็ก หรือดวงตากลมโตแวววาว กินพื้นที่กว่า 50% ของใบหน้า การ์ตูนชิบิที่ขึ้นชื่อได้แก่ เซลเลอร์มูน


Yaoi (ยาโออิ หรือ ยาโอย เรียกสั้นๆว่า การ์ตูนY) การ์ตูนชายรักชาย หลายๆเรื่องจะมีแค่ฉากบทจูบหรือกอดกัน ของพระเอกและพระเอก แต่บางเรื่องมันอาจจะเลยเถิดถึงขนาดฉากฟาดฟันอาวุธแท่งทวนกันก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่ประหลาดมากสำหรับการ์ตูนแนวนี้คือมีคนวาดส่วนใหญ่ เป็นผู้หญิง


Yuri (ยูริ) ตรงกันข้ามกับ Yaoi เป็นเป็นแนวหญิงรักหญิง ยังไม่ค่อยมาแรงมากเมื่อเทียบกับ Yaoi


Manga (มังงะ) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นสำหรับเรียกการ์ตูนช่อง การ์ตูนลายเส้น เป็นรูปเล่ม สันนิษฐานว่าเป็นคำที่มีความหมายประมาณว่า “สมุดภาพ” และเดิมที่ใช้เรียกการ์ตูนลายเส้นขาวดำ ส่วนคนที่วาดการ์ตูนมังงะ เรียกว่า Mangaka (มังงะคะ) ซึ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงก็มีหลายคนด้วยกัน


-Sama (ซามะ) เรียกต่อหลังชื่อใครในการ์ตูน แสดงว่า คนผู้นั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรืออาวุโสกว่า ในภาษาไทยคงประมาณว่า “ท่าน-“ เห็นได้จากเวลาลูกกระจ๊อกเรียกหัวหน้าตัวร้ายของเขาจะใช้คำนี้ด้วย อย่างเช่น เซ็จโชมารูซามะ เมดซามะ(ท่านเมด กร๊ากก)


Lolicon (โลลิคอน) เป็นศัพท์สแลงมาจากคำว่า โลลิต้าคอมเพล็กซ์ (Lolita complex) เกี่ยวกับผู้ชายอายุสูงๆ ชอบเด็กหญิงอายุ10-20 ปี


Otaku (โอะตะคุ) เป็นคำเรียกบุคคลอีกประเภทที่สนใจในสิ่งที่ตนชอบเกินปกติและมีความรู้ในการเข้าสังคมไม่สูง (มักจะเรียกพวกบ้าการ์ตูนอะ)


Harem (ฮาเร็ม) หมายความว่า มีตัวละครหลักเป็นผู้หญิงหลายๆคน แต่ตัวละครหลักที่เป็นผู้ชายจะมีน้อยคน หรือมีเพียงคนเดียว ตัวอย่างเช่น ชัฟเฟิล! มีตัวละครผู้หญิงหลายๆคนแต่มีตัวละครผู้ชายคนเดียว ส่วนมากตัวละครผู้หญิงจะสวยหรือน่ารัก และอาจจะชอบผู้ชายคนเดียวกัน เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับความรักหรือการต่อสู้


Moe (โมเอะ) หมายถึงความรักความชอบที่มีต่อตัวละครในมังงะ อะนิเมะ หรือวิดีโอเกม  มีความหมายตรงตัว แปลว่าการ "แตกหน่อ" ของพืช ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับคนจะหมายถึงตัวละครเด็กวัยกระเตาะ (มักเป็นผู้หญิง) ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ต้องพึ่งพาคนอื่น ทำให้ผู้ชมการ์ตูนอยากปกป้องดูแล จนถึงขั้นหลงรักได้ในที่สุด

I Give My First Love to You...

I Give My First Love to You สร้างจากหนังสือการ์ตูนของ โคโตมิ อาโอกิ 12 เล่มจบ 

ที่ขายได้มากกว่า 7.5 ล้านเล่มเฉพาะในญี่ปุ่น และได้รับรางวัล Shogakukan Manga Award 

ครั้งที่ 53 ซึ่งถือเป็นรางวัลที่ให้แก่การ์ตูนยอดเยี่ยมประจำปี 

ภาพยนตร์กำกับโดย ทาเคฮิโกะ ชินโจ โดยเขาได้ใส่จิตวิญญาณเข้าไปในความหมาย

ของคำว่า "การใช้ชีวิต" และ "ความรัก" ด้วยสัมผัสแห่งความเยาว์วัยและสดใส 

ซึ่งสร้างสรรค์โดยบทภาพยนตร์ดัดแปลงจาก เคนจิ บันโด

สำหรับเพลงที่เปิดคลอในตอนจบคือ Boku wa kimi ni koi wo suru (I'll Fall in Love with You)

เพลงบัลลาดของ เคน ฮิไร ที่เขียนให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อได้ยินถึงท่วงทำนอง

และสัมผัสกับเนื้อหาในช่วงเวลาสุดท้าย ก็จะทำให้หวนไปนึกถึงสิ่งที่ได้ชมมา และทำให้น้ำตา

ของผู้ชมต้องเอ่อล้นอย่างแน่นอน

" เพราะ รักแท้ ไม่มีคำว่า หมดอายุ "



เรารู้จักเรื่องนี้ โดยอ่านการ์ตูนก่อน "หัวใจนี้เพื่อเธอ"

เนื้อเรื่องมันก็เกี่ยวกับเด็กผู้ชายที่เป็นโรคหัวใจ และจะตายก่อนอายุ20

ส่วนนางเอกก็เป็นลูกของหมดที่รักษาพระเอก แล้ว2คนก็รักกัน

ตอน8ขวบ มายุ(นางเอก)สัญญากับทาคุมะ(พระเอก) ว่าจะแต่งงานกัน

พวกเขาจะต้องฝ่าฟันอุปสรรค และความโศกเศร้า ไปได้หรือไม่

มาติดตามการ์ตูน&หนังรักซึ้งๆ ได้ใน

I Give My First Love to You กันเถอะะะะ><

ส่วนหนังก็คล้ายๆการ์ตูนอ่าแหละ แต่อาจจะไม่ตรงกันบ้าง

แนะนำว่าให้อ่านจดหมายที่พระเอกเขียนถึงนางเอก(เล่ม12)

เป็นอะไรที่ซึ้งมากๆๆ 

แล้วเราก็ชอบเพลงประกอบมากๆเลย "Boku wa kimi ni koi wo suru"

ถึงตอนแรกจะฟังไม่รู้เรื่องก็ยังซึ้ง

ประมานว่า ขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถอยู่กันนางเอกได้ 
 
และไม่ว่าจะกี่ครั้ง ก็จะรักนางเอกตลอดไป